กัญชาคือสไนเปอร์ฆ่ามะเร็งได้ตรงจุดกว่าคีโม
ปัจจุบันในต่างประเทศมีการศึกษาในเรื่องกัญชากับมะเร็งมานานนับสิบๆปี โดยปัจจุบันเราอธิบายในเชิงการแพทย์ได้แล้ว จากการศึกษาวิจัย จนหาคำตอบได้ว่า กัญชารักษามะเร็งปอดได้อย่างไร ดังนี้
1. กัญชา ทำให้โปรแกรมอัตโนมัติของร่างกาย ที่ทำให้เซลล์แปลกปลอมมีการตายหรือเสื่อม ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Apoptosis หรือ Programmed cell death)
อธิบายให้เข้าใจง่าย ก็คือว่า เซลล์ในร่างกายมีอายุขัยของมัน เมื่อถึงเวลาตาย ก็ต้องตาย และให้เซลล์ใหม่เกิดขึ้นมาทดแทน แต่ถ้าโปรแกรมนี้ไม่ทำงาน ก็จะมีเซลล์แก่หรือเสื่อมคงอยู่ในร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์มะเร็ง ก็จะทำให้เซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในร่างกายกัญชาไปทำให้โปรแกรมนี้ ช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เซลล์มะเร็งฝ่อลงได้
2. กัญชา ยับยั้งเซลล์มะเร็งปอด ไม่ให้มีการลามไปยังอวัยวะอื่นๆในร่างกาย (Metastasis)
กัญชาคือสไนเปอร์ฆ่ามะเร็งได้ตรงจุดกว่าคีโม..
ปกติมะเร็งจะมีการลามไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายได้ เช่น มะเร็งปอด มักจะลามไปยังสมอง ทำให้มะเร็งมีความรุนแรงมากขึ้น การรักษายุ่งยากขึ้น
กัญชาไปทำให้กระบวนการลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆหยุดทำงานผ่านหลายๆกลไกได้
-กัญชา ยับยั้งการสร้างเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็ง (Angiogenesis)
เซลล์มะเร็ง ก็เหมือนเซลล์อื่นๆในร่างกายที่ต้องการสารอาหารไปทำให้พวกมันเติบโตขึ้น ซึ่งสารอาหารก็ต้องผ่านมาทางเส้นเลือด ดังนั้น มะเร็งจึงมีกลไกการสร้างเส้นเลือดขึ้นมาเพื่อนำอาหารไปหล่อเลี้ยงนั้นเอง
ซึ่งกัญชา ทำให้กระบวนการสร้างเส้นเลือดหยุดชะงักลงได้ ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงของมะเร็ง เพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายได้นั่นเอง
-กัญชา ยับยั้งไม่ให้เซลล์มะเร็งมีการเพิ่มจำนวนมากขึ้น (Preventing cancer proliferation)
เซลล์มะเร็งปกติแล้ว ก็จะมีการโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะของการเป็นมะเร็ง ซึ่งการเพิ่มจำนวนและปริมาณ ก็จะนำไปสู่ความรุนแรงที่มากขึ้น และรักษายากขึ้น
จากการศึกษาวิจัยพบว่า กัญชาสามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนมะเร็งได้ผ่านกลไกต่างๆช่วยกัน
ฉะนั้น กัญชากับมะเร็งปอด จึงพบว่า มีกลไกเข้าไปทำลายเซลล์ได้อย่างครอบคลุม คือ ทั้งไม่ให้เติบโต ทั้งไม่ให้ลุกลาม ทั้งตัดเสบียงอาหาร และ กระตุ้นให้ฆ่าตัวตายเอง
ปล. ในยุคที่ประชาชนเข้าถึงข้อมูลมากขึ้น ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะเลือกการรักษาได้เอง โดยบุคคลากรทางการแพทย์ควรมีหน้าที่นำเสนอทางเลือก ถ้าคนไข้จะใช้กัญชา ไม่ใช่บังคับให้เลือกรักษาแบบปัจจุบันนี้
กัญชา ไม่ทำลายเซลล์ปกติของร่างกายนะครับ ทำลายแต่เซลล์มะเร็ง ผิดกับยาเคมี หรือ การฉายแสง ที่ทำลายทั้งเซลล์มะเร็ง และ เซลล์ปกติ ถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพ ก็คือ
กัญชา คือ มือปืนสไนเปอร์ ที่ยิงเฉพาะผู้ร้าย แต่กับยาเคมีหรือฉายแสง คือ ระเบิดนิวเคลียร์ ตายทั้งชาวบ้านตายทั้งผู้ร้าย (บางทีผู้ร้ายแค่คนเดียว แต่ชาวบ้านตายทั้งหมู่บ้าน)
ที่มา : น้ํามันกัญชาสกัhttp://xn--l3c.com/
ผู้ป่วยโรคพาร์กินสันรายงานเกี่ยวกับผลประโยชน์จากการใช้ยากัญชาทางการแพทย์
อ้างอิงจากการสำรวจใหม่จากประเทศเยอรมันนี ผู้ป่วยโรคพาร์กินสันมากกว่า 8 % ใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ (CBMPs) และผู้ป่วยกว่า 54 % เหล่านั้นมีประสบการณ์การใช้ประโยชน์จากกัญชา โดยการค้นพบครั้งนี้ได้ถูกเผยแพร่บนนิตยสารของโรคพาร์กินสันแล้ว
โรคพาร์กินสันและ CBMP’s
การสำรวจดำเนินการโดยกลุ่มสมาชิกพาร์กินสันของเยอรมันนีทำการประเมินการตอบสนองของผู้ป่วยต่อยากัญชาทางการแพทย์และผู้ป่วยที่มีประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์กัญชามาก่อนหน้านี้แล้ว โดยการสำรวจมากกว่า 1300 คน ให้ผลว่า กลุ่มผู้ป่วยโรคพาร์กินสันให้ความสนใจในการใช้ยากัญชาทางการแพทย์สูงมาก แต่ความรู้เกี่ยวกับความแตกต่างของการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นน้อย ผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 51 % มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการใช้กัญชาทางการแพทย์ของประเทศเยอรมันนีและ 28 % มีความรู้ด้านวิธีการใช้ต่างๆ (การสูดดมกับการใช้ทางช่องปาก) แต่มีเพียง 9 % เท่านั้นที่รู้ความแตกต่างระหว่าง THC และ CBD ในกัญชา
นายแพทย์ คาร์สเตน บูห์มันน์ ภาคประสาทวิทยา ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยฮัมบูร์ก – เอพเพนดอร์ฟ กล่าวว่า “กัญชาทางการแพทย์ได้รับการยอมรับทางกฎหมายในประเทศเยอรมันนีในปี 2017 ซึ่งเริ่มต้นจากการใช้รักษาอาการต่อต้านการบำบัด ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงที่ไม่สามารถวินิจฉัยได้และไม่มีข้อมูลตามหลักฐานทางการแพทย์
“ผู้ป่วยพาร์กินสันที่อยู่ในเกณฑ์เหล่านี้มีสิทธิ์ได้รับกัญชาทางการแพทย์ แต่มีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับชนิดของแคนนาบินอยด์และวิธีการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงอาการสำหรับผู้ป่วยพาร์กินสัน เรายังขาดข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขตการใช้กัญชาทางการแพทย์ของกลุ่มผู้ป่วยประเภทนี้และยังไม่รู้ผลลัพธ์ของการใช้”
ทำความเข้าใจกับประโยชน์ที่ได้รับ
ผลสำรวจเผยว่าผู้ใช้มากกว่า 40 % รายงานว่ากัญชาทางการแพทย์ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อได้ ผู้ใช้มากกว่า 20 % รายงานอีกว่าลดอาการ Akinesia (อาการหยุดเดินหรือการเคลื่อนไหวทันที สั่งการไม่ได้), อาการสั่น, วิตกจริต, ภาวะซึมเศร้าและอาการขาอยู่ไม่สุข โดยผู้ป่วยรายงานว่าผลิตภัณฑ์กับชาที่ใช้สำหรับการสูดดมมีส่วนผสมของ THC ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยเรื่องภาวะ Akinesia มากกว่าผลิตภัณฑ์ประเภทรับประทานที่มีส่วนผสมของ CBD
ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ใช้กัญชาเริ่มเป็นผู้ที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่และมีความรู้เรื่องมุมมองของการใช้กัญชาทางการแพทย์ และ 65% ของผู้ที่ไม่ได้ใช้กัญชานั้นความสนใจในเรื่องของกัญชาทางการแพทย์แต่ขาดความรู้และกลัวผลข้างเคียงจึงทำให้ไม่กล้าที่จะลองใช้
“จากข้อมูลที่เราพบ เรายืนยันได้ว่าผู้ป่วยพาร์กินสันมีความสนใจอย่างมากในการรักษาโดยใช้กัญชาทางการแพทย์แต่เพียงแค่เพียงเขาขาดความรู้เกี่ยวกับการใช้งาน โดยเฉพาะเรื่องของความแตกต่างของแคนนาบินอยด์สองตัว THC และ CBD” นายแพทย์ คาร์สเตน บูห์มันน์ กล่าวเพิ่มเติม “แพทย์ควรพิจารณามุมมองเหล่านี้ด้วยในการให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยเรื่องการรักษาโดยใช้กัญชาทางการแพทย์” ข้อมูลที่รายงานออกมานี้อาจจะช่วยให้แพทย์หลายๆคนตัดสินใจว่าผู้ป่วยประเภท อาการแบบไหนจะสามารถได้รับประโยชน์จากการใช้กัญชาทางการแพทย์นี้ และแคนนาบินอยด์แบบไหนที่เหมาะสมกับผู้ป่วยเหล่านั้น
ที่มา : Parkinson’s Disease patients report benefits of using medical cannabis (healtheuropa.eu)
ทางเลือกผู้ป่วยมะเร็งปอด โดยการสูบสารสกัดกัญชา
ข้อแนะนำเรื่องการรักษาแพทย์ทางเลือกโดยใช้สารสกัดกัญชา ร่วมกับสมุนไพรต่างๆ ในกรณีที่ลูกไข้ไม่สามารถรับการรักษาทางโรงพยาบาลแล้ว
การสูบสารสกัดกัญชาออแกนิค เป็นการรักษาโดยกระบวนการวิธีสกัดเพื่อการรักษาและปลอดภัยที่สุด คือการเอาสาร THC และ CBD เพื่อเข้าไปรักษามะเร็งได้เร็วที่สุดและมีอัตตราการรักษาได้ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุดในวงการแพทย์ทางเลือกในวันนี้ ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย อาหรับ หรือประเทศอื่นๆ ที่มีวิวัฒนาการทันสมัยในการสกัดสารจากดอกกัญชาเพื่อการรักษา
ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอด หากได้รับการรักษาทั้งทางหยดใต้ลิ้น หรือทานสารสกัดกัญชาแบบแคปซูล หรือผสมน้ำดื่ม จะช่วยให้ได้ประสิทธิภาพในการรักษาในระดับหนึ่ง
แต่สิ่งสำคัญในการรักษาแบบเร่งด่วนเพื่อช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งให้ไวที่สุด ยับยังการแพร่กระจายเซลล์มะเร็งไปยังส่วนอื่น ของร่างกาย เป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาชีวิตของลูกไข้ให้มีโอกาสรอด ร่างกายฟื้นอย่างจริงๆ
สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งปอดคือการสูบสารสกัดเข้าตรงไปทางหลอดลมสู่ปอดเลย เข้าถึงเร็วถูกจุดและรักษาได้ดีที่สุด
การกินและสูบอาจจะทำให้เราเมาหรือมีอาการ High
และการรักษาอีกแบบหนึ่งที่ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง โรคริดสีดวงทวาร คือการสวนก้น มีทั้งที่ฉีดเข้าไปเลยและมีแบบแคปซูล การทำแบบนี้นั้นเราสามารถซึมซับ THC และ CBD ได้เช่นกันแต่ก็จะไม่รู้สึก high
ทั้งนี้ทุกการใช้กัญชาเพื่อการรักษาต้องได้รับการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย
THC หรือ tetrahydrocannabinol เท็ดทราไฮโดรคานาบีนอล นั้นเป็นสารที่สมองเราผลิตขึ้นเองอยู่แล้ว ชี้ให้เห็นว่าไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ต้องรู้วิธีการใช้ที่ถูกต้องและเหมาะสม
CBD หรือ cannabinoids คานาบินอยด์ cannabidiol, cannabigerol, cannnabichromene; cannabidiol-acid and THC-acid เป็นสารสกัดจากธรรมชาติจากกัญชาที่เป็นตัวยับยั้งการเติ่มโตของเซลมะเร็งได้เป็นอย่างดี
กัญชาก็คือพืชชนิดหนึ่ง ที่ต้องมีการเพาะปลูก ปัญหาของพืชหรือสมุนไพรชนิดใดๆ ก็ตาม ปัญหาใหญ่สำคัญคือความปลอดภัย ปลอดสารพิษ การใช้กัญชาที่ไม่ทราบที่มา หรือเพาะปลูกเจริญเติบโตโดยมิได้ใส่ใจหรือระมัดระวังเรื่องของแมลงต่างๆ อาจมีผลข้างเคียงเนื่องจากกัญชาที่ไม่ทราบแหล่งเพราะปลูกนั้นล้วนแล้วแต่มีผสมของยาฆ่าแมลง ทำให้มีผลกระทบต่อลูกไข้ที่ใช้เพื่อการรักษา
เนื่องจากเกือบทุกงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทำการตรวจสอบว่า cannabinoids สามารถรักษามะเร็งได้หรือไม่โดยใช้เซลล์มะเร็งที่ปลูกในห้องปฏิบัติการ และสัตว์
แต่เนื่องจากร่างกายของมนุษย์มีความซับซ้อนมาก การศึกษาเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาและมีการใช้กับเคสผู้ป่วยมนุษย์จริงๆ
ทุกกระบวนการวิจัย จึงเป็นเหตุผลที่มีค่า มีความหมาย และความหวังมากมายต่อมนุษย์ชาติในยุคสมัยนี้ นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ในแขนงต่างๆ มหาวิทยาลัย ต่างให้ความสนใจ กัญชาจึงนับเป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับการกล่าวถึงที่สุดในปี 2018 โดยเฉพาะที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่กฏหมายปล่อยให้กัญชาสามารถขายได้ถูกต้องในกฏหมายเพิ่มขึ้นหลายรัฐโดยเฉพาะ รัฐแคลิฟอเนียซึ่งถือเป็น 1 ใน 6 เมืองเศรษฐกิจของโลก
จนมาถึงตอนนี้การวิจัยได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการศึกษาในห้องปฏิบัติการ จากการใช้ THC และ cannabidiol (CBD) บริสุทธิ์สูงซึ่งเป็น cannabinoid ที่พบในกัญชา สาร cannabis ที่ช่วยต่อต้านผลกระทบทางจิตของ THC และนักวิจัยยังพบผลในเชิงบวกโดยใช้ cannabinoids ที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่นโมเลกุลที่เรียกว่า JWH-133
นอกจากนั้นมีผลที่น่าทึ่งจากการทดลองในห้องปฏิบัติการที่ ได้วิจัยหาจำนวนเซลล์ของโรคมะเร็งที่แตกต่างกัน ได้แก่ เนื้องอกในสมอง glioblastoma ,มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งเต้านม, มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งตับอ่อน การใช้สาร cannabinoids ในแต่ละชนิดของมะเร็ง ภาวะ และ สเตทของมะเร็งแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน การกำหนดโด้ช และวิธีการรักษา จะมีผลต่อมะเร็งชนิดต่างๆดังนั้นผู้ป่วยต้องได้รับการแนะนำการใช้กัญาเพื่อการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ เป็นข้อแนะนำ “สากล” ทั่วโลก
ขอเป็นกำลังใจแด่ผู้ป่วยมะเร็งและโรคต่างๆ ที่ได้มีทางเลือกในการใช้ธรรมชาติรักษาโดยเฉพาะ สารสกัดกัญชาซึ่งนาทีนี้คงต้องบอกว่าเป็นที่โด่งดังอันดับหนึ่งของโลก ทางเลือกของมนุษย์ชาติปี 2018
ที่มา : น้ํามันกัญชาสกัด.com
โรคผิวหนังรักษาได้ด้วยสารสกัดจากกัญชา??☘️
โรคผิวหนังรักษาได้ด้วยสารสกัดจากกัญชา
สารสกัดที่นำมาใช้รักษาคือ CBD บริเวณผิวหนัง มีตัวรับ {Cannabinoid Receptor} ทั้ง CB1 และ CB2 ของกัญชามากที่สุดและหนาแน่นที่สุดในร่างกาย เมื่อเทียบกับอวัยวะอื่นๆ จึงทำให้กัญชาจะสามารถป้องกันหรือรักษาโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้เกือบทั้งหมด
สารสกัดจากกัญชารักษาโรคอะไรได้บ้าง
สิว ฝ้า ผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน ผิวหนังไหม้จากแสงแดด มะเร็งผิวหนัง และโรคอื่นๆที่เกี่ยวกับผิวหนัง เป็นต้น วิธีการใช้ขึ้นอยู่กับอาการแต่ละโรค อาจต้องมีการรับประทานหรือหยดนำมัน CBD ร่วมด้วยในการรักษา
ปัจจุบันมีสินค้าเกี่ยวกับกัญชารักษาโรคทางผิวหนังมากยิ่งขึ้น ประกอบกับมีงานวิจัยทางการแพทย์ เริ่มออกมาสนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์เกี่ยวกับโรคผิวหนังมากขึ้นตามมาด้วยเช่นกันฉะนั้น โรคทางผิวหนัง ก็มีแนวโน้มที่กัญชาจะเอาอยู่
ปล. กัญชาแบบยาทาภายนอก ทั้งในรูปแบบครีมหรือสเปร์มีจำหน่ายแล้วในต่างประเทศ
ที่มา : น้ํามันกัญชาสกัด.com
กัญชามีประโยชน์มากกว่าเป็นยานอนหลับสำหรับผู้ป่วยนอนไม่หลับหรือเปล่า?
หากตอนนี้คุณไม่ได้รับการรักษาใดๆเลยสำหรับโรคนอนไม่หลับหรือหากยานอนหลับที่คุณใช้อยู่ตอนนี้ไม่มีประสิทธิภาพในการนอนหลับที่มากพอ ทำไมคุณไม่ลองใช้กัญชาดูล่ะ
ลองปรึกษาผู้ที่จัดจำหน่ายน้ำมันกัญชา CBD หรือ THC ดู คุณจะพบว่าหนึ่งในอาการที่พบบ่อยๆที่ทำให้ต้องใช้สินค้าเหล่านี้คือปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ จึงเป็นที่ทราบกันดีว่ากัญชาและน้ำมัน CBD ได้ถูกพิสูจนืแล้วว่าเป็นตัวช่วยในโรคนอนไม่หลับและทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
และนี่คือ 5 สิ่งที่คุณต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลที่ได้รับจากกัญชาที่ช่วยให้การนอนหลับของคุณดีขึ้น
1.ในความเป็นจริง การดื่มเหล้าได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำให้การนอนหลับของคุณสั้นลงและลดการนอนหลับในรูปแบบ REM (REM คือ วงจรที่กล้ามเนื้อต่างๆ หยุดทำงานหมดยกเว้น หัวใจ กระบังลม กล้ามเนื้อตาและกล้ามเนื้อเรียบ ซึ่งเป็นช่วงที่ฝันเป็นเรื่องเป็นราว โดยการนอนแบบนี้จะเกิดขึ้นในช่วงหลังของการนอนเป็นเหตุให้ฝันบ่อยๆในช่วงเช้ามืด) ในขณะที่กัญชาประกอบไปด้วยคุณสมบัติที่ทำให้มึนเมาและผ่อนคลายอยู่ด้วยกัน จึงทำให้คุณนอนหลับฝันหวานขึ้นและตื่นได้ง่าย
2.การใช้กัญชาในระยะยาวอาจช่วยลดผลกระทบจากการใช้ยาได้ และการเลิกใช้ยาบางชนิดไม่เพียงแต่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับแต่ยังมีผลต่อการนอนหลับในรูปแบบ REM ที่จะทำให้ร่างกายกระตุ้นให้ฝันบ่อยขึ้น
3.กัญชาช่วยบรรเทาความเครียดได้ และสามารถพัฒนาการนอนหลับให้ดีขึ้น ช่วยลดการตื่นระหว่างกลางดึกให้น้อยลงและช่วยลดช่วงเวลาก่อนเข้านอนของคุณให้สั้นลงหรือทำให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
4.มีความแตกต่างจากยานอนหลับชนิดอื่นๆ เช่น Ambien และ Lunesta เนื่องจากกัญชามีความปลอดภัยในการใช้งานระยะยาว ถึงแม้ว่าจะใช้กัญชาในระยะเวลาติดต่อกันนาน กัญชายังมีโอกาสน้อยที่จะทำให้มีอาการติดยา
5.เป็นที่น่าสนใจเลยทีเดียว ที่ว่ากัญชามีผลกระทบที่สำคัญต่อผู้ที่ป่วยทางสภาวะจิตใจของผู้ป่วยได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์เลวร้าย (PTSD) อ้างอิงจาก The Sleep Doctor กล่าวว่า สาร THC ในกัญชา ช่วยลดการฝันและอาการเสมือนฝันจากเหตุการณ์ที่เคยประสบมาเมื่อใช้กัญชาเป็นประจำ ทำให้หลับสนิทมากขึ้นและลดสิ่งรบกวนต่างๆภายในจิตใจที่ส่งผลต่อการนอนหลับ ซึ่งผู้ป่วยแต่ละคนจะตอบสนองแตกต่างกันออกไป จึงเป็นเหตุผลที่ว่าใบสั่งยานอนหลับทั่วไปจึงได้ผลดีกว่าการใช้กัญชา อย่างไรก็ตาม หากคุณอยู่ในกรณีที่มีอาการนอนไม่หลับอยู่ และยังไม่ได้รับการรักษา หรือผู้ที่ได้รับการรักษาอยู่แล้วไม่ได้ผล ก็คงดีไม่ใช่น้อยเลยถ้าหากคุณจะลองใช้มันดู
ที่มา : Does Marijuana Work Better than Sleeping Pills for Insomnia? (greenentrepreneur.com)